พฤหัส. มิ.ย. 1st, 2023
ถึงเวลาพิสูจน์!

ถึงเวลาพิสูจน์! 5แข้งเชลซีที่มีโอกาสกลับมาเฉิดฉายในยุคทูเคิ่ล

ถึงเวลาพิสูจน์! เชลซี ภายใต้การคุมทีมของอดีตกุนซือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในฤดูกาลนี้เป็นปีที่ประสบปัญหามากมาย แม้จะใช้เงินเสริมทัพทะลุ 200 ล้านปอนด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ก็มีหลายแข้งที่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ เช่นเดียวกับแข้งเก่าในทีมหลายๆคนที่โชว์ฟอร์มไม่ออกจนต้องตกเป็นตัวสำรองไปโดยปริยาย

ถึงเวลาพิสูจน์!

กระนั้นก็ดีหลังจาก เชลซี มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือขึ้นอีกครั้ง หลังจากสั่งเด้ง แลมพาร์ด พ้นตำแหน่ง ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะได้รับการแต่งตั้งเข้ามาเป็นนายใหญ่คนใหม่แห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในไม่ช้า

แน่นอนว่าการเปลี่ยนในตำแหน่งกุนซือนั้นแผนการเล่น และการจัดตัวผู้เล่นจะมีการเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย และนี่คือ 5 นักเตะที่มีโอกาสกลับมาเฉิดฉายภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล

คริสเตียน พูลิซิช 

    ย้อนไปในซีซั่นที่แล้วปีกทีมชาติสหรัฐฯทำผลงานได้อย่างสุดยอดหลังเพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นปีแรก โดยทำได้ 11 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 34 เกมรวมทุกรายการ ซึ่งเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้ดาวเตะวัย 22 ปี ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และเมื่อกลับมาลงสนามอย่างต่อเนื่องเขาก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ โดยเพิ่งทำได้เพียง 2 ประตูจากการลงเล่น 17 เกมรวมทุกรายการในซีซั่นนี้เท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นการมาของ ทูเคิ่ล ที่มีคู่มือการใช้งาน พูลิซิช หลังเคยร่วมงานกันสมัยอยู่ในถ้ำเสือเหลืองมาแล้ว ทำให้กุนซือชวเยอรมันอาจดึงฟอร์มเก่งของนักเตะกลับมาได้อีกครั้ง

ติโม แวร์เนอร์

    จนถึงตอนนี้ดาวยิงชาวเยอรมันทำประตูไม่ได้มา 11 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้วหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก แถมเกมล่าสุดในศึกเอฟเอ คัพ ที่ทีมเอาชนะ ลูตัน ทาวน์ 3-1 เจ้าตัวก็มาซัดจุดโทษพลาดทำให้ความมั่นใจของอดีตแข้ง แอร์เบ ไลป์ซิก ในตอนนี้ดูจะย่ำแย่เป็นอย่างมาก

การมาของ แวร์เนอร์ นั้นถือว่าเข้ามาสร้างความปวดหัวให้กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในการจัดทัพไม่น้อยเพราะตัวเลือกในแนวรุกค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้ช่วงที่ผ่านมาอดีตกุนซือชาวอังกฤษสลับให้เขายืนทั้งในบทบาทกองหน้าตัวเป้า และเปลี่ยนมายืนเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายมากขึ้นในช่วงหลังเพื่อที่จะหาตำแหน่งที่จะเค้นศักยภาพของนักเตะออกมาให้ได้

อย่างไรก็ตามดาวเตะวัย 24 ปี ก็ยังเรียกฟอร์มเก่งเช่นเดียวกับตอนอยู่ แอร์เบ ไลป์ซิก ไม่ได้เลย ซึ่งแน่นอนการเข้ามาของ ทูเคิ่ล นั้น อาจเข้ามาเค้นศักยภาพของเขาออกมาได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่าลืมว่า ทูเคิ่ล เป็นคนชาติเดียวกัน และคุ้นเคยกับนักเตะเลือดเบียร์เป็นอย่างดี

ไค ฮาแวร์ทซ์ 

    อีกหนึ่งคู่หูทีมชาติเยอรมันที่ย้ายมาพร้อมๆกับ ติโม แวร์เนอร์ ซึ่งกำลังประสบชะตากรรมคล้ายๆกันเมื่อเขายังปรับตัวในการเล่นในพรีเมียร์ลีกไม่ได้เลยนับตั้งแต่ย้ายมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จนโดนดร็อปเป็นตัวสำรองในช่วงหลัง

ด้าน โรเบิร์ต ฮูธ อดีตแข้งชาวเยอรมัน ของ เชลซี ออกมาพูดถึงปัญหาของ ฮาแวร์ทซ์ เอาไว้ว่า “ปัญหาของ ฮาแวร์ทซ์ คือการขาดความมุ่งมั่น, เสียการครองบอล และจ่ายบอลพลาดอยู่บ่อยครั้ง นี่เป็นปีแรกของเขาแต่ดูเหมือนว่าบางครั้งเขาจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไร, บางที เชลซี อาจไร้ผู้นำที่จะมาคอยกระตุ้นนักเตะ แน่นนอนมันอาจไม่ใช่การพูดคุยที่ดีเสมอไปเมื่อคุณทำผลงานได้ไม่ดีแต่มันจำเป็นต้องเกิดขึ้น, เขาแค่ต้องการใครสักคนที่จะบอกเขาได้ว่าคุณต้องมีคุณสมบัติที่จำเป็นอย่างไรในการเล่นพรีเมียร์ ลีก”

ด้วยความที่ ฮาแวร์ทซ์ ยังอยู่ในวัยเพียง 21 ปี ทำให้เขาอาจจำเป็นต้องหาใครสักคนที่พร้อมให้คำแนะนำเขา ซึ่ง ทูเคิ่ล น่าจะตอบโจทย์ดังกล่าว รวมถึงการวางระบบและแท็คติกการเล่นที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เขากลับมาคืนฟอร์มโหดได้อีกครั้ง

อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 

    ปราการหลังชาวเยอรมันเคยเป็นแกนหลักให้ เชลซี ในช่วงสองปีแรกนับัต้งแต่ย้ายมาจาก โรม่า แต่หลังจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด เช้ามากุมบังเหียนตั้งแต่ฤดูกาลก่อนนั้นก็ทำให้โอกาสลงเล่นของเขาน้อยลงไปเรื่อยๆจนในซีซั่นนี้กลายเป็นตัวสำรองไปโดยปริยายจากสถิติลงเล่นเพียง 4 เกมในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น อย่างไรก็ดีการมาของ ทูเคิ่ล อาจทำให้ดาวเตะวัย 27 ปีกลับได้มีโอกาสลงสอดแทรกเป็นตัวจริงลงเล่นมากขึ้นกว่าเดิม

คัลลัม ฮัดสัน โอดอย

การมาของบรรดาแข้งใหม่ทั้ง ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ทซ์ และ ฮาคิม ซิเย็ค ทำให้ปีกชาวอังกฤษมีโอกาสลงเล่นน้อยลงกว่าเดิม อย่างไรก็ตามเมื่อเขาถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองนั้นเจ้าตัวก็ทำผลงานได้น่าประทับใจโดยเฉพาะการกระชากลากเลื้อยริมเส้นที่ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี โดยทำไปแล้ว 2 ประตูกับ 1แอสซิสต์ จากการลงเล่น 10 เกมในพรีเมียร์ลีก แบ่งเป็นตัวสำรอง 7 เกม

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มการเล่นของบรรดาแข้งสตาร์ในตำแหน่งเดียวกันหากยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ ทำให้โอกาสที่ โอดอย จะได้ลงมาวาดลวดลายมากขึ้น

“ผมพยายามอย่างหนักในการซ้อมทุกๆวัน ทุ่มเทแบบ 110% ทั้งยามฝึกหรือแข่งเกม มันไม่สำคัญหรอกว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไหร่ ผมก็เพียงพยายามทำมันต่อไป ทำให้สุดความสามารถและหาทางมีส่วนร่วมกับทีมทั้งพังประตูหรือแอสซิสต์ ก็หวังว่าจากนี้โอกาสจะมามากขึ้น”

“เมื่อบอลอยู่ในการครอบครองก็จะสร้างสรรค์ให้มากสุดเท่าที่ทำได้ ผมชอบมองเกมล่วงหน้า, อ่านการเข้าทำแบบโอเพ่นเพลย์ และเปลี่ยนบอลให้ไว ทั้งชอบเผากองหลังคู่แข่งและสร้างสรรค์โอกาสให้ตัวเองด้วย”

นี่คือบทสัมภาษณ์ของ โอดอย ที่เคยออกมาเปิดใจกับโอกาสลงสนามค่อนข้างจำกัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัว

 

  • ติดตามทุกข่าวสารของวงการกีฬาที่นี่   earthufabet.com
  • ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก www.siamsport.co.th

By new